
บ.ก. ต้นหอม ศิริอักษร จอมใบหยก
“นี่คือวิชาความสัมพันธ์ 101 ที่ไม่มีสอนในโรงเรียนมัธยมหรือมหาวิทยาลัย (ทั้งๆ ที่ควรทำอย่างยิ่ง!)”
เราอ่านบทนำของหนังสือเล่มนี้จบลงเป็นครั้งแรกในเดือนเมษายน ปี 2024 และประโยคด้านบนนี้ก็คือท่อนปิดฉากของบทนำที่เราอ่านตามแล้วอดเบ้หน้าล้อเลียนไม่ได้ … หมั่นไส้จริง พวกคอนเทนต์ขายฝันเรื่องความรักนี่ ใจหนึ่งเริ่มกังขาเล็กๆ ในการตัดสินใจของกองที่มอบหมายเล่มนี้มาให้เราทำ แต่อีกใจก็พยายามเตือนตัวเองซ้ำๆ ว่าหล่อนเพิ่งอ่านจบไปแค่บทเดียว!
ไม่เลย กองไม่ได้ตัดสินใจพลาด และหนังสือเล่มนี้ก็ไม่ได้ขายฝันแต่อย่างใด เพียงแต่เรื่องตลกร้ายที่เกิดขึ้นในเดือนเมษายน ปี 2024 ก็คือในจังหวะที่กำลังจะต้องดูแลต้นฉบับหนังสือเกี่ยวกับความรัก ความสัมพันธ์ของเรากับแฟน (เก่า) ก็ดันขาดสะบั้นลงอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ความรู้สึกใจสลายในช่วงที่ต้องกัดฟันลุกมาทำต้นฉบับจึงพานทำให้เราตั้งแง่กับ “ใบสั่งยารักษาโรครัก” โดยไม่รู้ตัว
แต่ยิ่งเราได้ดำดิ่งกับคู่มือเล่มนี้เท่าไร ก็ยิ่งมองเห็นภาพเหตุการณ์ขณะที่ยังอยู่ในความสัมพันธ์ซ้อนทับขึ้นมาบ่อยขึ้นเท่านั้น คำถามมากมายค่อยๆ ผุดขึ้นมาในหัว
“ถ้าคราวนั้น เราหันหน้าเข้าหากันแทนที่จะต่างฝ่ายต่างหมางเมินล่ะ”
“ถ้าช่วงนั้น เรารู้จักถามไถ่เรื่องสำคัญในชีวิตกันและกันเสียบ้างล่ะ”
“ถ้าตอนนั้น เราซื่อตรงกับความต้องการของตัวเองให้มากขึ้นล่ะ”
รู้ตัวอีกที จากหนึ่งบทก็กลายเป็นสองบท จากหนึ่งรอบก็กลายเป็นสองรอบ จากที่เคยตะขิดตะขวงก็กลายเป็นประทับใจ และดีใจที่ได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งของหนังสือที่อาจพลิกโฉมความสัมพันธ์ของใครหลายคน
คู่มือขนาดกะทัดรัดเล่มนี้แบ่งออกเป็น 7 บท 7 กิจวัตรที่อ่านจบได้ใน 7 วัน (เชื่อเหลือเกินว่าเหล่าเครื่องจักรที่เดินเครื่องโดยมีหนังสือเป็นเชื้อเพลิงอย่างชาวบุ๊คสเคป น่าจะอ่านจบได้ภายในวันเดียว) แต่ละบทอัดแน่นไปด้วยข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ กรณีศึกษา เรื่องราวสนุกๆ ปิดท้ายด้วยแบบฝึกหัดที่ดูเผินๆ เหมือนจะเรียบง่ายแต่กลับได้ผลชะงัด
เนื้อหาบทที่จับใจเรามากที่สุดหนีไม่พ้นบทที่สอง “ถามคำถามใหญ่ๆ” และบทสุดท้าย “กำหนดคืนออกเดต” ฟังดูเหมือนของง่ายๆ ที่ไม่น่าจะต้องให้ใครมาสอน แต่น้อยคนที่จะเข้าใจกลไกของสองสิ่งนี้อย่างถ่องแท้
“ถามคำถามใหญ่ๆ” เตือนเราไม่ให้ลืมว่ามนุษย์เราเติบโตและเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ขนาดเวลาผ่านไปแค่ไม่กี่ชั่วโมง เรายังกลับมานึกตีอกชกตัวเองก่อนนอนที่เผลอพูดอะไรโง่ๆ หรือทำตัวน่าอายไปเมื่อช่วงกลางวัน นับประสาอะไรกับความรู้สึกนึกคิดของคนรัก ต่อให้เขาเคยบอกไว้ช่วงที่เริ่มคบกันเมื่อปีก่อนว่าคิดแบบหนึ่ง ตอนนี้เขาอาจเปลี่ยนใจไปคิดอีกแบบแล้วก็ได้นะ การอัปเดต “แผนที่ความรัก” เพื่อไม่ให้เราพลัดหลงจากกันทางใจจึงเป็นเรื่องสำคัญ ความเจ๋งของบทนี้คือมันใช้ได้กับความสัมพันธ์ทุกรูปแบบ ไม่ใช่แค่คนรักเท่านั้น อาจเป็นเพื่อนสนิท น้องชาย แม่ หรือแม้แต่หุ้นส่วนทางธุรกิจ
ส่วน “กำหนดคืนออกเดต” ก็ช่วยขยายนิยามการเดตของเราให้กว้างขวางและสร้างสรรค์ขึ้น ก่อนนี้ เรากับเขามีมุมมองต่อการเดตที่ค่อนข้างจำเจ ต้องแต่งตัวสวย ต้องให้ดอกไม้ ต้องออกไปผจญภัย และต้องจบวันด้วยค็อกเทลในบาร์มืดๆ สักที่ในอารีย์ ไม่เคยเลยที่เราจะนึกอยากเดตกันง่ายๆ ด้วยการนอนดูรูพอลส์แดร็กเรซข้างๆ กัน หรือซักผ้าด้วยกันเสร็จแล้วสั่งเคเอฟซีมากิน
“ก่อนจะเลิกกันวันนั้น ถ้าเราได้อ่านเล่มนี้ ความสัมพันธ์จะยังจบลงเหมือนเดิมไหม”
ผ่านมาแล้วสามเดือนเต็มหลังจากเลิกกัน (และสามเดือนเต็มที่ได้รู้จักกับ “ใบสั่งยารักษาโรครัก”) คำตอบสุดท้ายของเราคืออย่างไรก็คงจบกันอยู่ดี อย่างที่คู่หูกอตต์แมนเขียนเอาไว้ “สิ่งเดียวที่จะพาความสัมพันธ์ไปถึงทางตันก็คือการที่คุณสองคนยอมแพ้” ต้องยอมรับว่าเราสองคนต่างยอมแพ้ในตัวกันและกันมาแล้วสักพักใหญ่ แต่อีกประการหนึ่งที่มั่นใจ คือหากวันนั้นใครคนใดคนหนึ่งได้อ่านเล่มนี้เสียก่อน เราและเขาจะต้องยุติความสัมพันธ์ครั้งนี้ลงอย่างเข้าอกเข้าใจกันมากกว่านี้แน่

ใบสั่งยารักษาโรครัก: เสริมภูมิคุ้มใจ เติมรักให้เหมือนใหม่ใน 7 วัน
(The Love Prescription: Seven Days to More Intimacy, Connection, and Joy)
John Gottman และ Julie Schwartz Gottman เขียน
สุญญาตา เมี้ยนละม้าย แปล






