เด็กไทยเก่งมากในศาสตร์ STEM (Science, Tech, Engineering and Math) แต่สิ่งที่ฟินแลนด์กำลังส่งต่อให้กับเด็กๆ คือ STEAM คือเพิ่ม Arts เข้ามาด้วย ไม่ใช่เรื่องของความสวยงามอย่างเดียว แต่ยังรวมพวกศิลปะที่เกี่ยวพันกับคนอย่าง Communication และ Collaboration ซึ่งเป็นทักษะที่มนุษย์มี และเหนือกว่าเครื่องจักร
สิ่งที่ทำให้การศึกษาของฟินแลนด์แตกต่างคือความเชื่อที่ว่า “การเรียนต้องเป็นเรื่องสนุก” ในช่วงเช้าเด็กๆ จะได้เรียนผ่านหลักสูตรที่เรียกว่า Creative Education ซึ่งใช้เวลาเรียนเพียง 4 ชั่วโมงเท่านั้น มีการผนวกเอาการ “เล่น” เข้าไปเสริม แม้จะดูเหมือนใช้เวลาไม่มาก แต่เด็กๆ กลับสามารถนำความรู้ที่ได้ไปต่อยอดได้อย่างน่าสนใจ
เกตุ – พิชญ์วดี กิตติปัญญางาม อาจารย์จากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และผู้ร่วมก่อตั้งสถาบัน Arkki Thailand หนึ่งในผู้นำ workshop “Designing the Future – the Finnish Way เรียนผ่านเล่นสไตล์ฟินแลนด์” ในซีรีส์งานเสวนา Joyful Learning & Creative Education จะให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับหลักสูตร Creative Education นี้ ซึ่งความล้ำไม่ได้อยู่ที่เทคโนโลยี หากอยู่ที่วิธีคิดและการใช้งานอันหลากหลาย
นอกจากความสนุกในการเรียนรู้แล้ว เชื่อว่าหลายคนคงได้ยินคำว่า design thinking กันบ่อยๆ คนส่วนใหญ่มักมองว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องการออกแบบและงานศิลปะ ในความเป็นจริง design thinking คือวิธีการคิดเพื่อสร้างสินค้าหรือบริการที่จะช่วยตอบโจทย์เรื่องการใช้งานในชีวิตประจำวัน ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นของไฮเทคสุดล้ำเสมอไป
หลายคนคงอยากรู้แล้วว่า ถ้านำ design thinking มารวมร่างกับการเรียนรู้ ผลลัพธ์ที่ได้จะออกมาเป็นเช่นไร รับชมเทปบันทึกภาพกิจกรรมกลุ่มเพื่อออกแบบการเรียนรู้ผ่านการเล่น โดย Mr. Kelvin Ng ครูใหญ่ประจำสถาบัน Arkki Thailand ใน workshop “Design the Future – The Finnish Way”
แล้วมาลุ้นกันว่าในช่วงท้าย ผู้เข้าร่วมกิจกรรมแต่ละกลุ่มได้ผลิตภัณฑ์หรือบริการต้นแบบเพื่อการเรียนรู้สำหรับเด็กๆ กลับไปอย่างไรบ้าง